ท่ามกลางความผันผวนของค่าเงินในตลาดเกิดใหม่ ปรากฎว่าเงินบาทของไทย และเงินริงกิตของมาเลเซียค่อนข้างที่จะโดดเด่นในแง่ความมีเสถียรภาพมากที่สุดเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ โดยในวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.8550 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินริงกิตของมาเลเซียอยู่ที่ 4.1460 ริงกิตต่อดอลลาร์สหรัฐ
ซีเอ็นบีซี รายงานว่า สาเหตุที่ค่าเงินบาท และเงินริงกิตมีเสถียรภาพ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยและมาเลเซียมีหลายอย่างเหมือนกัน คือ มีอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำ มีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญมีดุลบัญชีเดินสะพัดที่เป็นบวก ขณะที่ ค่าเงินของตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ได้รับผลกระทบอย่างมากจากแนวโน้มของดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเงินเปโซของอาร์เจนตินา เงินลีราของตุรกี เงินรูเปียของอินโดนีเซีย และเงินรูปีของอินเดีย โดยเงินลีราของตุรกีนั้น อ่อนค่าไปแล้วประมาณ 40% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินรูปีของอินเดียตกไป12%
เงินบาท กลายเป็นเงินที่โดดเด่นที่สุดในเอเชีย โดยแข็งค่าขึ้นไปแล้ว 1.3% ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา และค่าเงินบาทค่อนข้างจะมั่นคงตลอดทั้งปีนี้
ซีเอ็นบีซี อ้างคำพูดของ Khoon Goh หัวหน้านักวิจัยตลาดเอเชียของ ANZ ที่บอกว่า ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพ เพราะประเทศไทยมีดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นบวก โดยได้รับแรงหนุนจากภาคท่องเที่ยงที่แข็งแกร่ง โดยดุลบัญชีเดินสะพัดที่เป็นบวกจะช่วยทำให้ค่าเงินของประเทศแข็ง เพราะไม่ต้องพึ่งพาเงินทุนจากภายนอกในการลงทุน หรือกู้ยืม