กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเพื่อคนรุ่นใหม่ (B-FUTURE) เน้นลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศของบริษัทที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องหรือได้รับประโยชน์ จากแนวโน้มการบริโภคในอนาคต หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี และหรือนวัตกรรมใหม่ ที่มีการพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับแนวโน้ม การบริโภค การดำเนินธุรกิจ และเศรษฐกิจในอนาคต
ปัจจุบัน กองทุน B-FUTURE ลงทุนในกองทุนต่างประเทศ 2 กองทุน ได้แก่ Allianz Global Artificial Intelligence และ Fidelity Fund – China Consumer Fund
Allianz Global Artificial Intelligence (ณ มีนาคม 2563 กองทุน B-FUTURE มีสัดส่วนการลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนรวมต่างประเทศ นี้ที่ 43.35%)
วัตถุประสงค์: เน้นลงทุนในบริษัทที่มีพัฒนาด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
1.ธุรกิจที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน ของปัญญาประดิษฐ์ (AI Infrastructure)
2.แอพพลิเคชั่นที่ต้องใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI Application) และ
3.ธุรกิจที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อ พัฒนาด้านการผลิตหรือการให้บริการ (AI-enabled Industries)
ปัจจุบันน้ำหนักการลงทุนของ 3 กลุ่มอยู่ที่ 34% 40% และ 25% ตามลำดับ
ภาพรวมของธุรกิจในกลุ่ม Artificial Intelligence พบว่ามีความสำคัญมากขึ้นกว่าแต่ก่อน โดยเฉพาะ Network infrastructure ทวีความสำคัญมากขึ้นเพราะในโลกปัจจุบันเต็มไปด้วยการเชื่อมโยงกันเป็นใยแมงมุม การวางโครงสร้าง ระบบเครือข่ายเพื่อการเชื่อมโยงระหว่างอุปกรณ์ตั้งแต่ 2 โครงข่ายเข้าด้วยกันเพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนสื่อสารข้อมูล ผนวกกับ โครงสร้างระบบเครือข่ายพื้นฐานทั่วโลกนับเป็นปัจจัยที่สำคัญ การวางโครงสร้างที่ดีจะช่วยทำให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน มีการทำงานอย่างเป็นระบบมีศักยภาพ
Software โดยเฉพาะ Software ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสาร เนื่องจากธุรกิจยกระดับตัวเองจากออฟไลน์มาเป็นออนไลน์ โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีก ซึ่งทั้งหมดได้ประโยชน์จากการ work from home ทำให้ราคาหุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวขึ้นมาเร็วกว่ากลุ่มอื่น
ขณะที่กลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการหยุดผลิตที่ประเทศจีนในเดือนกุมภาพันธ์ เริ่มกลับมาดีขึ้นเมื่อโรงงานจีน เริ่มการผลิตอีกครั้งในเดือนเมษายน ประกอบกับความต้องการอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และเซฟเวอร์ยังอยู่ในระดับสูง จึงทำให้ราคา หุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวขึ้น แม้สถานการณ์ COVID-19 จะทำให้วัฏจักรการฟื้นตัวของหุ้นในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ขยายระยะเวลายาว ออกไปอีก แต่หากมองในระยะยาวแล้วหุ้นกลุ่มนี้มีโมเดลทางธุรกิจที่ดี โครงสร้างการเงินดีเยี่ยม มีระดับราคาไม่แพงในเชิง เปรียบเทียบกับกลุ่มอื่น ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่วัฏจักรของธุรกิจนี้ฟื้นตัว หุ้นในกลุ่มนี้จะวิ่งขึ้นได้ดีกว่าตลาด
ทั้งนี้ผู้จัดการกองทุนเชื่อมั่นว่า การพัฒนาการปัญญาประดิษฐ์ยังอยู่ในช่วงแรกเท่านั้น ธุรกิจต่างๆ ต้องใช้ปัญญาประดิษฐ์เข้าไปมี ส่วนร่วมการผลิตและการบริการ จึงจะเป็นการเพิ่มรายได้อย่างมีนัยสำคัญให้กับธุรกิจดังนั้นการลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับปัญญา ประดิษฐ์ จะให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
ในครึ่งปีนี้กองทุนมีการเคลื่อนไหวปรับการลงทุน ดังนี้
ลดน้ำหนักธุรกิจที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อพัฒนาด้านการผลิตหรือการให้บริการ (AI-enabled Industries) ซึ่งมีสัดส่วน 25% ณ ปัจจุบัน การคัดสรรบริษัทที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการผลิตสินค้าและบริการ อาทิ บริษัทในกลุ่มอีคอมเมิร์ส กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ กลุ่มเฮลธ์แคร์ และกลุ่มสถาบันการเงิน เพื่อให้กองทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากหลากหลายธุรกิจ และกระจายความเสี่ยงด้านการลงทุน ไม่กระจุกตัวที่กลุ่มเทคโนโลยี เท่านั้น ผู้จัดการกองทุนได้ลงทุนเพิ่มในธุรกิจการแพทย์ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเพื่อลดความเสี่ยงให้กับพอร์ต นอกจากนี้ ผู้จัดการ กองทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจการเงินออนไลน์ เพราะจะเป็นธุรกิจที่ได้ประโยชน์ เนื่องจากผู้บริโภคหันมาทำธุรกรรมออนไลน์ มากขึ้น
เพิ่มน้ำหนักในกลุ่มแอพพลิเคชั่นที่ต้องใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI Application) ซึ่งมีสัดส่วน 40% ณ ปัจจุบัน โดยเฉพาะบริษัท Software & Services เนื่องจากเคยได้ลดน้ำหนักมาตั้งแต่กลางปี ค.ศ. 2019 กลุ่มนี้ปัจจุบันที่ได้รับผลกระทบน้อยจากห่วงโซ่การผลิตเทคโนยี ทั่วโลกที่หยุดชะงัก อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากการ Work from home สูงที่สุดแล้ว
เพิ่มน้ำหนักในกลุ่มธุรกิจที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของปัญญาประดิษฐ์ (AI Infrastructure) ซึ่งมีสัดส่วน 34% ณ ปัจจุบัน อาทิ ผู้ผลิต เซมิคอนดักเตอร์เพราะราคาปรับตัวลดลงจนน่าสนใจ การเข้าซื้อในราคาที่ต่ำกว่าช่วงต้นปีถือเป็นโอกาสที่ดีเนื่องจากผู้จัดการกองทุน เคยได้ลดน้ำหนักการลงทุนไปเมื่อต้นปี พ.ศ. 2563
Fidelity Funds – China Consumer Fund (ณ มีนาคม 2563 กองทุน B-FUTURE มีสัดส่วนการลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนรวมต่างประเทศ นี้ที่ 35.51%)
วัตถุประสงค์: เน้นลงทุนในการหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่ของจีน (New China) เช่น การพัฒนาเทคโนโลยี การเปลี่ยน แปลงของพฤติกรรมของผู้บริโภคในจีน เป็นต้น
กองทุนกระจายลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม ในไตรมาสที่ผ่านมากองทุนได้รับประโยชน์จากการ overweight ค้าปลีก ออนไลน์ เกมส์ออนไลน์ การศึกษาออนไลน์ เป็นต้น
นอกจากนี้กองทุนยัง overweight สินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่ม Healthcare โดยมีมุมมองว่ากลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคได้ประโยชน์จากการ Work from home และกลุ่ม Healthcare มีโอกาสเติบโตจาก การค้นพบวัคซีนหรือการรักษาแบบใหม่ๆ
กลุ่มการเงินโดยเฉพาะประกันเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเชิงลบ จาก COVID-19 มาตรการ Lockdown ทำให้รายได้ลดลง อีกทั้ง แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยต่ำทั่วโลกทำให้กระทบโดยตรงกับภาคการเงิน ผู้จัดการกองทุนได้ขายทำกำไรบางส่วนในเดือนกุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการกองทุนมีมุมมองบวกต่อกลุ่มประกัน เพราะความต้องการด้านประกันชีวิตเพิ่มมากขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้ หากแต่ไม่สะดวกในการซื้อประกันฉบับใหม่ด้วยติดมาตรการ lockdown เมื่อมาตรการดังกล่าวผ่อนคลายลง จะทำให้รายได้จาก กลุ่มประกันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ผู้จัดการกองทุนจะพิจารณากลยุทธ์ของแต่ละบริษัท โดยมีมุมมองบวกกับบริษัทที่ปรับกลยุทธ์การตลาด ให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคต้องการใช้สินค้านั้นๆ และเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ผู้บริโภคจะกลับมาซื้อสินค้า เนื่องจาก ช่วงนี้ผู้บริโภคอาจไม่มั่นใจในรายได้ของตน และชะลอการจับจ่ายใช้สอยในสินค้าประเภทนี้
ผู้จัดการกองทุนเน้นลงทุนในบริษัทที่มีกระแสเงินสดเข้มแข็ง และรายได้มีแนวโน้มเติบโตได้ดีเมื่อ COVID-19 คลี่คลาย เพราะเชื่อว่า บริษัทที่มีเงินสดจะสามารถทนต่อสภาวะการณ์ที่ยากลำบากนี้ได้
ผู้จัดการกองทุนมีมุมมองบวกอย่างมากกับการบริโภคในประเทศจีน (Domestic Consumption) และกลุ่มประกัน ว่าจะเป็นธุรกิจ ที่เติบโตได้ดีหลังสถานการณ์การแพร่ระบาด
ข้อมูลในบทความนี้เป็นข้อมูลที่มีการเผยแพร่ต่อสาธารณะ ซึ่งนักลงทุนสามารถเข้าถึงได้โดยทั่วไป และเป็นข้อมูลที่เชื่อว่าน่าจะเชื่อถือได้ แต่ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (“บริษัท”) มิได้ยืนยันหรือรับรองถึงความถูกต้อง หรือสมบูรณ์ของข้อมูลดังกล่าวแต่อย่างใด ความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความนี้เป็นเพียงการนำเสนอในมุมมองของบริษัท และเป็นความคิดเห็น ณ วันที่ปรากฏในบทความเท่านั้น ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ภายหลังวันดังกล่าว โดยบริษัทไม่จำเป็นต้องแจ้งสาธารณชน หรือผู้ลงทุนทราบ บทความฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้น บริษัทไม่รับผิดชอบต่อการนำข้อมูลหรือความคิดเห็นใดๆไปใช้ในทุกกรณี ดังนั้นผู้ลงทุนควรใช้ดุลพินิจในการพิจารณา เนื่องจากการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนจึงควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน